ปัญหาน้ำมันทำอาหารใช้แล้วในครัวเรือนมักจบลงที่การทิ้งลงท่อระบายน้ำหรือแม่น้ำ ซึ่งไม่เพียงสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ โครงการธนาคารน้ำมันใช้แล้วจึงถือกำเนิดขึ้นที่เทศบาลตำบลแม่กา จังหวัดพะเยา ในฐานะนวัตกรรมชุมชนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำ “น้ำมันทำอาหารใช้แล้ว” มาแลกเปลี่ยนเป็นน้ำมันใหม่ ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนที่ตั้งอยู่ภายในชุมชน น้ำมันใช้แล้วที่รวบรวมได้จะถูกส่งต่อให้ภาคเอกชนอย่างบริษัทดอยน้อย เพื่อนำไปแปรรูปเป็นน้ำมันไบโอดีเซลสำหรับเครื่องบินพาณิชย์ การดำเนินงานนี้จึงเป็นวงจรของการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่อย่างมีคุณค่า อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ความโดดเด่นของโครงการนี้ไม่เพียงอยู่ที่การจัดการขยะเชิงสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ความรู้ของนิสิตมหาวิทยาลัย โดยมีการบูรณาการการเรียนการสอนเข้ากับการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อบริหารจัดการธนาคารน้ำมันอย่างครบวงจร ระบบดังกล่าวสามารถติดตามข้อมูลการแลกเปลี่ยน คำนวณปริมาณน้ำมันที่ประหยัดได้ และรายงานการลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้แบบเรียลไทม์ แสดงให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแรงเสริมสำคัญที่ทำให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่ปรากฏจากการดำเนินงานสะท้อนถึงศักยภาพของชุมชนแม่กาได้อย่างชัดเจน โดยสามารถรวบรวมน้ำมันใช้แล้วได้เฉลี่ยถึง 340 ลิตรต่อเดือน ลดค่าใช้จ่ายภายในชุมชนได้กว่า 4,600 บาทต่อเดือน และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 646 กิโลกรัมต่อเดือน นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเครือข่าย “นวัตกรชุมชน” ที่ประกอบด้วย อสม. ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่เทศบาลจาก 19 หมู่บ้าน รวมกว่า 100 คน เครือข่ายนี้ทำหน้าที่ทั้งเผยแพร่ความรู้และขยายผลแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) ให้เกิดการรับรู้และปฏิบัติจริงในระดับครัวเรือน
แม้โครงการจะเริ่มต้นในพื้นที่เล็ก ๆ แต่ด้วยการดำเนินงานที่มีระบบและการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งประชาชน ภาควิชาการ และภาคธุรกิจ ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกอย่างชัดเจนและมีศักยภาพที่จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศ รวมถึงการต่อยอดไปสู่ระบบจัดการขยะประเภทอื่น ๆ และพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะในระดับชาติในอนาคต
ท้ายที่สุด โครงการธนาคารน้ำมันใช้แล้วไม่ได้เป็นเพียงการแปรรูปน้ำมันเก่าให้กลับมาใช้ใหม่ แต่เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก “ความคิด” “ความร่วมมือ” และ “พลังชุมชน” ที่ลุกขึ้นมาเป็นเจ้าของนวัตกรรมด้วยตนเอง โมเดล BCG จึงไม่ได้หยุดอยู่ที่แนวคิด แต่ได้ลงมือทำจริง เห็นผลจริง และสามารถขยายผลได้จริงดังที่ชุมชนแม่กาได้พิสูจน์แล้วว่า “น้ำมันหยดเล็ก ๆ จากครัวเรือน สร้างพลังให้กับโลกใบใหญ่ได้ หากเราร่วมมือกัน”